สร้าง Brand Awareness ช่วยธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น

การสร้างแบรนด์ในยุค 4.0 นั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสร้างการตระหนักรู้ของแบรนด์ หรือ Brand Awareness (การรับรู้ของแบรนด์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น ลูกค้าจำแบรนด์ได้ดีและมากแค่ไหนภายใต้ปัจจัยและสถานการณ์ต่าง ๆ การสร้างแบรนด์ที่ลูกค้าจดจำได้จะช่วยให้องค์กรสามารถทำการตลาดและขายผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น) เป็นกิจกรรมทางการตลาดที่ช่วยให้หลาย ๆ ธุรกิจประสบความสำเร็จมากขึ้น

วันนี้เรามาดู 7 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยในการสร้าง Brand Awareness เผื่อผู้อ่านยังขาดข้อใดที่สามารถนำไปปรับใช้กับแผนการตลาดที่มีอยู่ เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นไปได้อีกนะครับ

Image

1. แบ่งกลุ่มการสร้าง Branding เพื่อกำหนดผู้ชมที่เป็นเป้าหมายได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าการสร้าง Branding ของคุณตอนนี้จะมีกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างกว้าง แต่เราสามารถใช้กลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ทั้งหมดนั้นให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นด้วยการแบ่งส่วนตลาด ซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้เราสามารถแยกลูกค้าปัจจุบันให้แยกออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มากขึ้น อย่างไรก็ตามเราควรแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยคำนึงถึงการมีปฏิสัมพันธ์ต่อแบรนด์และพฤติกรรมของลูกค้ามากกว่าที่จะใช้สถิติทางประชากร (Demographic) ซึ่งเราสามารถใช้การแยกกลุ่มนี้โดยใช้ซอฟต์แวร์ติดตาม อย่าง Google Analytic ที่จะช่วยให้เรารู้พฤติกรรมของกลุ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์และจะทำให้เรา สามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้มากขึ้นด้วย

2. ใช้ Search Engine Optimization (SEO) มาช่วยอัพการจัดลำดับของ Brand ให้พุ่งกว่าเดิม Search Engine ยังคงเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้เกิด Traffic แบบออแกนิก นับเป็น Placement ที่ดีบน Search Engine Result Pages (SERPs) จะช่วยสร้าง Traffic ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเว็บไซต์ของเรามากขึ้น ซึ่งเมื่อ SEO เข้ามามีบทบาทกับแบรนด์แล้ว มันจะช่วยให้อันดับการค้นหาบน Google อยู่ในระดับที่สูงขึ้นโดย SEO จะประกอบด้วย 2 แบบ คือ On-Page SEO และ Off-Page SEO

  • On-Page SEO จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น คุณภาพของคอนเทนต์ คีย์เวิร์ด และ HTML
  • Off-Page SEO ได้รับอิทธิพลจาก Page Rank (อัลกอรึทึมที่ Google Search ใช้), Bounce Rate, Links เป็นต้น
Image
Image

3. จัดลำดับความสำคัญของลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย การจัดลำดับความสำคัญจากการมีส่วนร่วมของลูกค้าบนโซเชียลมีเดียโดยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าปัจจุบันและพัฒนาการสื่อสารให้ดีขึ้นเพื่อลูกค้าคนสำคัญเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ เช่น การสร้างกิจกรรมแข่งขันชิงรางวัลหรือส่วนลดสำหรับผู้ติดตาม หรือจะเป็นข้อเสนอที่ไม่มีสิ่งผูกมัดใด เช่น มีกิจกรรมการแจกรางวัลสำหรับผู้ติดตามที่เป็น Top Fan หรือแม้แต่การการสอบถามผู้ติดตามโดยใช้โพสต์, โหวต หรือการทำแบบสอบถาม ทั้งหมดนี้จะช่วยในการพัฒนาช่องทางโซเชียลมีเดียและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้มากขึ้น

4. กลยุทธ์การติดตามว่าที่ลูกค้าไปทุกที่ (Remarketing) เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อ แคมเปญ Remarketing นั้นมีเป้าหมายในการเชื่อมต่อกับผู้ชมที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ เช่น ลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้า โดยเราสามารถทำโฆษณาบนเว็บไซต์อื่นที่ลูกค้าอาจสนใจและเข้าชม เช่น แบนเนอร์ นับเป็นการติดตามเพื่อย้ำเตือนเกี่ยวกับสินค้าที่ลูกค้าสนใจและทำให้ลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ได้อีกครั้งเมื่อเห็นแบนเนอร์โฆษณานั้นซ้ำ ซึ่งการทำ Remarketing จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนให้ลูกค้าที่ยังไม่ได้ซื้อสินค้ากลับมาสนใจมันอีกครั้ง และนั่นจะช่วยเพิ่ม Conversion Rate โดยรวมทั้งหมดอีกด้วย

Image
Image

5. ยกระดับการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ เหล่าโซเชียลมีเดียอินฟลูเอนเซอร์เป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้เราเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น และอินฟลูเอนเซอร์ที่ ‘ใช่’ จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมที่เราอยากได้ในสเกลที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งก่อนอื่นเราจะต้องหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่นิยมหรือแบบที่อยากได้ เพื่อติดต่อไปทำการตกลงเงื่อนไข และควรโฟกัสที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นหลักเพื่องานในอนาคตด้วย

6. สร้าง Community ที่มีคุณภาพ สำหรับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะช่วยในเรื่องของ Brand Awareness ได้ เช่น มีพื้นที่สำหรับการให้คำแนะนำ การตอบคำถามในโพสต์หรือคอมเมนต์ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้คอนเทนต์ของเราดูมีคุณภาพแล้ว ยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แสดงถึงความจริงใจและเต็มใจที่จะแบ่งปันรายละเอียดหรือความรู้เพื่อคนอื่น ๆ ด้วย เช่น เว็บไซต์ของ Honest Doc ที่จะมีแพทย์คอยตอบคำถามจากผู้เยี่ยมชมอยู่ตลอด

Image
Image

7. สร้างความร่วมมือ (Partnership) กับแบรนด์อื่น ๆ การทำพาร์ทเนอร์จะช่วยเชื่อมต่อเรากับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้น หรือแม้แต่การการสร้างตลาดสำหรับกลุ่มที่เรายังไม่เคยลองมาก่อน ซึ่งการทำพาร์ทเนอร์จะเป็นการที่แบรนด์สองแบรนด์ มีสินค้าหรือบริการที่สามารถร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยกันได้ และทำการแบ่งกลุ่มของตลาดด้วยกัน เพื่อพัฒนาการขายและเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ที่ร่วมมือ ทั้งนี้จะช่วยสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่ชื่นชอบสินค้าของแต่ละแบรนด์ ให้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้อีกด้วย เช่น การร่วมมือกันระหว่าง Potato Corner และสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ที่สร้างประสบการณ์การกิน เฟรนฟรายให้มีรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับลูกค้าทั้งสองแบรนด์

ชวนฟัง Podcast "THE STRATEGY" หมากรุกยังต้องคิด หมากธุรกิจไม่คิดได้ไง รายการที่จะมาชวนคุยเรื่องกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ กับคุณจุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ CEO Baramizi Group & Brand Consultant เเละคุณปณิตา ฤกษปิติวิทย์ Brand Strategist Manager
 
🎧 "THE STRATEGY" หมากรุกยังต้องคิด หมากธุรกิจไม่คิดได้ไง : EP.02 ตัวชี้วัดความแข็งแรงของแบรนด์ ดูจากอะไร? ตอนที่ 1 "ต้องมี Super Fans"
 
Image

ผู้สอน

คุณจุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ

CEO Baramizi Group and brand consultant

อาจารย์พิเศษผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ยุคใหม่
  • คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลําปาง วิชาวิถีชีวิตและแนวโน้มการออกแบบ (Consumer Lifestyle and Trend)
  • ผู้ออกแบบหลักสูตร Strategic Brand Design for Business Transformation ของ CEA (หรือTCDC)
  • ผู้ออกแบบหลักสูตรการสอนผู้ประกอบการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)