ในโลกของธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไร ก็ต้องเจอ Brand Positioning หรือ จุดยืนของแบรนด์ ที่จะต้องตอบคำถามให้ชัดเจนว่า จุดยืนของแบรนด์คืออะไร สิ่งที่เราจะต้องทำและไม่ทำคืออะไร และต้องการให้แบรนด์เราอยู่ตรงไหนในใจของลูกค้า
🎯 ดังนั้น หากธุรกิจมี Positioning ที่ชัดเจน เป็นเหมือนแผนที่ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก เนื่องจากธุรกิจจะทราบได้ว่าเราควรโฟกัสอะไร ตัวตนเราเป็นอย่างไร เราเก่งหรือไม่เก่งเรื่องอะไร สิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนไม่ควรทำ เพื่อให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่ง
แล้วเราจะสร้าง Brand Positioning ของธุรกิจได้อย่างไร
5 ขั้นตอนในการสร้าง Brand Positioning
📍 ขั้นตอนที่ 1 ค้นหา จุดแข็ง คุณค่าและสิ่งที่แบรนด์มอบประโยชน์ให้กับลูกค้าคืออะไร
📍 ขั้นตอนที่ 2 ค้นหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ทั้งแบบความต้องการที่เห็นได้ชัดเจน และความต้องการที่ซ่อนเร้นโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัว
📍 ขั้นตอนที่ 3 ค้นหาว่าแบรนด์แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร
📍 ขั้นตอนที่ 4 นำคำตอบในแต่ละขั้นตอนมารวมกันแล้วสรุปออกมาเป็นคำ วลี หรือ Keyword ที่สั้นกระชับ เพื่อมาพล็อตกราฟให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
โดยจะมี 2 แกน แกน X สะท้อนความแตกต่างด้าน Functional การใช้งาน ประโยชน์ของสินค้าหรือบริการที่กลุ่มเป้าหมายได้รับ
ส่วนแกน Y สะท้อนความแตกต่างด้าน Emotional อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของกลุ่มเป้าหมาย
📍 ขั้นตอนที่ 5 อย่ารอ!!! ให้ลงมือทำทันที และประกาศจุดยืนของแบรนด์ในตลาด
🎬 ขอยกตัวอย่างการวาง Positioning ของแบรนด์แอปพลิเคชั่นอย่าง Disney+
เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชั่นบริการสตรีมมิ่งด้านความบันเทิง ที่มีคอนเทนต์ฟอร์มยักษ์ รวมถึงหนัง ภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์ของตัวเอง อย่าง Disney/ Pixar/ Marvel/ Star Wars ซึ่งทำให้แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการดูหนังคอนเทนต์ดังค่ายยักษ์ใหญ่ มีแอนิเมชันที่ตื่นตาตื่นใจ คอนเทนต์คุณภาพในราคาถูก ก็จะใช้บริการ Disney+
สรุปบทเรียน
✅ 1. แบรนด์ที่มีจุดยืนที่ชัดเจนและไม่เหมือนใคร จะทำให้แบรนด์เราแตกต่างจากคู่แข่ง
✅ 2. จุดยืนแบรนด์ จุดเริ่มต้นในการต่อยอดองค์ประกอบของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์การดำเนินงาน การสื่อสารต่าง ๆ
✅ 3. การเลือกจุดยืนแบรนด์ไม่ควรกว้างไป จนเหมือนแบรนด์ทั่ว ๆ ไปในท้องตลาด หรือแคบเกินไป จนไม่สามารถนำไปต่อยอดหรือพัฒนาเป็นสินค้าหรือบริการอื่นได้